แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - chatrade

หน้า: 1
1
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมปรับเพิ่มเป้าดัชนีหุ้นไทยปี 2564 ในช่วงสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ โดยคาดเป้าหมายดัชนีใหม่จะอยู่ที่ระดับ 1,700 จุด เนื่องจาก ความคาดหวังการเปิดประเทศภายใน 120 วันจากนี้ ตามประกาศของนายกรัฐมนตรีและดัชนีหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นทะลุแนวต้าน 1,600 จุด รวมถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปีนี้ ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ออกมาดี ทำให้มีการปรับเพิ่มคาดการณ์กำไร บจ.ปีนี้

ส่วนการลงทุนในระยะกลาง-ยาว แนะนำกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมืองที่ราคายังปรับเพิ่มขึ้นไม่มาก ได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติเข้าใช้บริการสูง เช่น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) กลุ่มห้างสรรพสินค้าที่ได้ประโยชน์สองเด้งจากการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวต่างชาติและค่าเช่าพื้นที่ที่มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นหลังสถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ เช่น บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) และกลุ่มรถไฟฟ้าที่ได้ประโยชน์จากการกลับมาเดินทางทำงานตามปกติของผู้คน เช่น บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM)  กองทุนหุ้น

นอกจากนี้ ยังมองกลุ่มธนาคารพาณิชย์เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าลงทุน เพราะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นในปี 2565 ซึ่งจะส่งผลบวกให้รายได้ส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) กลับมาเติบโตดีขึ้น แม้ระยะสั้นจะถูกกดดันจากกระแสข่าวที่รัฐบาลพยายามควบคุมเพดานดอกเบี้ย

ทั้งนี้เมื่อสอบถามถึงความเป็นไปได้ในการกลับมาเปิดประเทศใน 120 วัน นายวิจิตร กล่าวว่า ความพร้อมกลับมาเปิดประเทศขึ้นอยู่กับจำนวนของผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 หากอิงตามเป้าหมายเดิมที่รัฐบาลตั้งเป้าระดมฉีดวัคซีนให้ครบ 50 ล้านโดสเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ภายในสิ้นปี 2564 มองว่ามีความท้าทายสูง เพราะต้องฉีดให้ได้ 3 แสนโดสต่อวัน ซึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นว่าอัตราการฉีดวัคซีนปรับตัวลงจากระดับ 3 แสนโดสต่อวัน มาอยู่ที่ 1-2 แสนโดสต่อวัน

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยมองเป้าดัชนีหุ้นไทยระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า มีโอกาสปรับขึ้นทะลุ 1,650 จุด แต่ยังยากที่จะทดสอบ 1,700 จุด นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างปรับประมาณการเป้าดัชนีปี 2564 จากปีก่อนประเมินไว้เพียง 1,500 จุด โดยคาดว่าจะปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,600 จุดบวกลบ

ขณะที่การลงทุน แนะนำฟังธรรมกลุ่มเปิดเมืองเพื่อรับการฟื้นตัวในระยะกลาง-ยาว โดยเลือกหุ้นบริษัทใหญ่ที่พื้นฐานดี ประมาณการกำไรปี 2564 มีโอกาสปรับขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ จากเป้าหมายการเปิดประเทศของรัฐบาล ขณะที่ราคาหุ้นยังปรับขึ้นไม่มาก (แลกการ์ด) ได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, กลุ่มขนส่ง บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS), กลุ่มค้าปลีก บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) และ บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) รวมถึงกลุ่มห้างสรรพสินค้า CPN

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างทบทวนเป้าดัชนีปี 2564 จากเดิมที่ 1,600 จุด มาอยู่ที่ 1,600 จุดตอนปลาย เพราะได้ปัจจัยบวกจากกำไร บจ.ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ รวมถึงเป้าหมายการเปิดประเทศภายใน 120 วัน หรือในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ เพื่อรับอานิสงส์ไฮซีซันของธุรกิจท่องเที่ยว โดยแนะนำซื้อกลุ่มหุ้นเปิดประเทศที่ธุรกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีในช่วงครึ่งปีหลัง ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มร้านอาหาร และกลุ่มธนาคาร

2
นักลงทุนเวียนเล่นหุ้น Laggard ช่วงไร้ประเด็นใหม่หนุน

หุ้นปิดเช้าบวก 4.15 จุด นักลงทุนเวียนเล่นหุ้น Laggard ช่วงไร้ประเด็นใหม่หนุน โดยวันนี้เล่นหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มโรงไฟฟ้า สำหรับแนวโน้มการลงทุนในภาคบ่ายคาดตลาดมี upside จำกัด

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway up เวียนกลุ่มเล่น วันนี้เล่นหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มโรงไฟฟ้า หลังดัชนีฯปรับตัวขึ้นไป 20% ในช่วง 1 เดือน ดังนั้น จึงหาเล่นหุ้นที่ยัง Laggard ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็แกว่งไซด์เวย์ เนื่องจากยังไม่มีประเด็นใหม่เข้ามา (เล่นหุ้นยังไง)

ทั้งนี้ ตลาดฯน่าจะได้แรงหนุนจาก ห้ามไม่อนุญาตd Flow ยังไหลเข้า ขณะที่คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะพยายามรักษาระดับค่าเงินบาทไม่ได้แข็งค่าไปกว่า 30 บาท/ดอลลาร์ อีกทั้งมองว่าการค้าน่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ในปีหน้า และท่องเที่ยวก็จะน่าจะกลับมาในช่วงครึ่งปีหลังของปี

อย่างไรก็ดี แนะนำติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสและการปรับน้ำหนักลงทุนของ MSCI ที่จะมีผลในวันที่ 30 พ.ย.นี้เช่นกัน รวมถึงยังต้องเกาะติดสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในประเทศด้วย

ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,437.71 จุด เพิ่มขึ้น 4.15 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.29% มูลค่าการซื้อขายราว 45,874.44 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายวีระวัฒน์ กล่าวว่า ตลาดฯมี upside จำกัด ให้แนวรับ 1,420 จุด ส่วนแนวต้าน 1,445-1,450 จุด

หน้า: 1